วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

เจาะประวัติอยุธยา เมืองแห่งประวัติศาสตร์

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นอดีตราชธานีของไทยมีหลักฐานของการเป็นเมืองในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 - 18 โดยมีร่องรอยของที่ตั้งเมือง โบราณสถาน โบราณวัตถุ และเรื่องราวเหตุการณ์ในลักษณะ ตำนานพงศาวดาร ไปจนถึงหลักศิลาจารึก ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานร่วมสมัยที่ใกล้เคียงเหตุการณ์มากที่สุด ซึ่งเมืองอโยธยาหรืออโยธยาศรีรามเทพนคร หรือเมืองพระราม มีที่ตั้งอยู่บริเวณด้านตะวันออกของเกาะเมืองอยุธยา มีบ้านเมืองที่มีความเจริญทางการเมือง การปกครอง และมีวัฒนธรรมที่รุ่งเรืองแห่งหนึ่ง มีการใช้กฎหมายในการปกครองบ้านเมือง 3 ฉบับ คือ พระอัยการลักษณะเบ็ดเสร็จ พระอัยการลักษณะทาส พระอัยการลักษณะกู้หนี้


สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกู้เอกราชคืนมาได้ใน พ.ศ. ๒๑๒๗ และ เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ใน พ.ศ. ๒๓๑๐สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกอบกู้เอกราชได้ในปลายปีเดียวกันแล้วทรงสถาปนา กรุงธนบุรีเป็นราชธานีแห่งใหม่ โดยกวาดต้อนผู้คนจากกรุงศรีอยุธยาไปยังกรุงธนบุรีเพื่อสร้างเมืองใหม่ แต่กรุงศรีอยุธยาไม่ได้ กลายเป็นเมืองร้าง ยังคงมีคนรักถิ่นฐานบ้านเดิมอาศัยอยู่และราษฎรที่หลบหนีไปได้กลับเข้ามาอยู่รวมกัน ต่อมาได้รับการยกย่อง เป็นเมืองจัตวาเรียก "เมืองกรุงเก่า"


พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงยกเมืองกรุงเก่าขึ้นเป็นหัวเมืองจัตวาเช่นเดียวกับสมัยกรุงธนบุรี หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้จัดการปฏิรูปการปกครองทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคโดยการปกครองส่วนภูมิภาคนั้นโปรดให้จัดการปกครองแบบเทศาภิบาลขึ้นโดยให้รวมเมืองที่ใกล้เคียงกัน 3 - 4 เมือง ขึ้นเป็นมณฑล มีข้าหลวงเทศาภิบาลเป็นผู้ปกครอง โดยในปี พ.ศ. 2438 ทรงโปรดให้จัดตั้งมณฑลกรุงเก่าขึ้น ประกอบด้วยหัวเมืองต่าง ๆ คือ กรุงเก่าหรืออยุธยา อ่างทอง สระบุรี ลพบุรี พรหมบุรี อินทร์บุรี และสิงห์บุรี ต่อมาโปรดให้รวมเมืองอินทร์ และเมืองพรหมเข้ากับเมืองสิงห์บุรี ตั้งที่ว่าการมณฑลที่อยุธยา และต่อมาในปี พ.ศ. 2469 เปลี่ยนชื่อจากมณฑลกรุงเก่าเป็นมณฑลอยุธยา ซึ่งจากการจัดตั้งมณฑลอยุธยามีผลให้อยุธยามีความสำคัญทางการบริหาร การปกครองมากขึ้นการสร้างสิ่งสาธารณูปโภคหลายอย่างมีผลต่อการพัฒนาเมืองอยุธยาในเวลาต่อมา จนเมื่อยกเลิกการปกครองระบบเทศาภิบาล ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 อยุธยาจึงเปลี่ยนฐานะเป็นจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีได้มีนโยบายบูรณะโบราณสถานภายในเมืองอยุธยาเพื่อเป็นการฉลองยี่สิบห้าพุทธศตวรรษประจวบกับในปี พ.ศ.2498นายกรัฐมนตรีประเทศพม่าเดินทางมาเยือนประเทศไทยและมอบเงินจำนวน200,000 บาท เพื่อปฏิสังขรณ์วัดและองค์พระมงคลบพิตร เป็นการเริ่มต้นการบูรณะโบราณสถานในอยุธยาอย่างจริงจัง ซึ่งต่อมากรมศิลปากรเป็นหน่วยงานสำคัญในการดำเนินการ จนองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก มีมติให้ขึ้นทะเบียนนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาเป็น " มรดกโลก " เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2534มีพื้นที่ครอบคลุมในบริเวณโบราณสถานเมืองอยุธยาอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานีมาตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 1893 จนถึงวันที่ 7เมษายน 2310 เป็นเวลายาวนานถึง 417 ปี มีประวัติในการปกครอง การกอบกู้เอกราช วีรกรรมและด้านขนบธรรมเนียมประเพณีมากมาย เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธ์ธัญญาหารดังคำกล่าวว่า " ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว " ทั่วทั้งจังหวัดพระนครศรีอยุธยายังมากมายไปด้วยวัดวาอาราม ปราสาทราชวังและปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุมากมายกรุงศรีอยุธยามีพระมหากษัตริย์ปกครองอาณาจักรสืบต่อกันมา 33 พระองค์ มีราชวงศ์ผลัดเปลี่ยนกันครองอาณาจักรรวม 5 ราชวงศ์
๑. ราชวงศ์อู่ทอง              ๒. ราชวงศ์สุพรรณภูมิ
๓. ราชวงศ์สุโขทัย           ๔. ราชวงศ์ปราสาททอง
๕. ราชวงศ์บ้านพลูหลวง

พระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ลำดับพระนามปีที่ครองราชย์พระราชวงศ์
1สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)1893 - 1912  (19 ปี)อู่ทอง
2สมเด็จพระราเมศวร (โอรสพระเจ้าอู่ทอง) ครองราชย์ครั้งที่ 11912 -1913 (1 ปี )อู่ทอง
3สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว)1913 - 1931  (18 ปี)สุพรรณภูมิ
4สมเด็จพระเจ้าทองลัน (โอรสขุนหลวงพะงั่ว)1931 - 1931 (7 วัน)สุพรรณภูมิ
5พระราเมศวร 1931 -1938 ( 7 ปี)อู่ทอง
สมเด็จพระราชาธิราช (โอรสพระราเมศวร)1938 -1952 (14 ปี )
6สมเด็จพระอินราชาธิราช (เจ้านครอินทร์) โอรสพระอนุชาของขุนหลวงพระงั่ว1952 - 1967 (16 ปี)สุพรรณภูมิ
7สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) โอรสเจ้านครอินทร์1967 - 1991 (16 ปี)สุพรรณภูมิ
8สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (โอรสเจ้าสามพระยา)1991 - 2031 (40 ปี)สุพรรณภูมิ
9สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 (โอรสพระบรมไตรโลกนาถ)2031 - 2034 (3 ปี)สุพรรณถูมิ
10สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (โอรสพระบรมไตรโลกนาถ)2034 - 2072 (38 ปี)สุพรรณภูมิ
11สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 (โอรสพระรามาธิบดีที่ 2)2072 -2076 (4 ปี)สุพรรณภูมิ
12พระรัษฎาธิราช (โอรสพระบรมราชาธิราชที่ 4)2076 -2077 (1 ปี)สุพรรณภูมิ
13สมเด็จพระไชยราชาธิราช (โอรสพระรามาธิบดีที่ 2)2077 - 2089 (12 ปี)สุพรรณภูมิ
14พระแก้วฟ้า (พระยอดฟ้า) (โอรสไชยราชาธิราช)2089 - 2091 (2 ปี)สุพรรณภูมิ
15สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พระเฑียรราชา)2091 - 2111 (20 ปี)สุพรรณภูมิ
16สมเด็จพระมหินทราธิราช (โอรสพระมหาจักรพรรดิ)2111 - 2112 (1 ปี)สุพรรณภูมิ
17สมเด็จพระมหาธรรมราชา2112 - 2133 (21 ปี)สุโขทัย
18สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (โอรสพระมหาธรรมราชา)2133 - 2148 (15 ปี)สุโขทัย
19สมเด็จพระเอกาทศรถ (โอรสพระมหาธรรมราชา)2148 -2153 (5 ปี)สุโขทัย
20พระศรีเสาวภาคย์ (โอรสพระเอกาทศรถ)2153 - 2153 (1 ปี)สุโขทัย
21สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (โอรสพระเอกาทศรถ)2153 - 2171 (17 ปี)สุโขทัย
22สมเด็จพระเชษฐาธิราช (โอรสพระเจ้าทรงธรรม)2172 - 2172 (8 เดือน)สุโขทัย
23พระอาทิตยวงศ์ (โอรสพระเจ้าทรงธรรม)2172 - 2199 (28วัน)สุโขทัย
24สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง (ออกญากลาโหมสุริยวงค์)2172 - 2199 (27 ปี)ปราสาททอง
25สมเด็จเจ้าฟ้าไชย (โอรสพระเจ้าปราสาททอง)2199 - 2199 (3 - 4 วัน)ปราสาททอง
26พระศรีสุธรรมราชา (อนุชาพระเจ้าปราสาททอง)2199 - 2199 (3 เดือน)ปราสาททอง
27สมเด็จพระนารายณ์มหาราช (โอรสพระเจ้าปรารสาททอง)2199 - 2231 (32 ปี)ปราสาททอง
28สมเด็จพระเพทราชา2231 - 2246 (15 ปี)บ้านพลูหลวง
29สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ)2246 - 2275 (6 ปี)บ้านพลูหลวง
30สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ (โอรสพระเจ้าเสือ)2275 - 2301 (24 ปี)บ้านพลูหลวง
31สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (โอรสพระเจ้าเสือ)2275 - 2301 (26 ปี)บ้านพลูหลวง
32สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร (โอรสพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ)2301 - 2301 (2 เดือน)บ้านพลูหลวง
33สมเด็จพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์(พระเจ้าเอกทัศน์) (โอรสพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ)2301 - 2310 (9 ปี)บ้านพลูหลวง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น