วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ชวนครอบครัวหรือเกี่ยวก้อยคนรักเดินทางไปท่องเที่ยวและพักผ่อนที่ จ. พระนครศรีอยุธยา เมืองหลวงเก่าแก่ของประเทศไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางวัฒนธรรม ชมบรรยากาศของเมืองเก่า ไหว้พระให้สุขใจก็เป็นโปรแกรมความสุขครบเครื่อง ที่ให้ทั้งความสุขตาและสุขใจในหนึ่งวัน
วัดมหาธาตุ
วัดนี้สร้างในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ต่อมาสมเด็จพระราเมศวรโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ใต้ฐาน
พระปรางค์ประธานของวัดเมื่อ พ.ศ. 1927 พระปรางค์วัดมหาธาตุถือเป็นปรางค์ที่สร้าง
ในระยะแรกของสมัยอยุธยาซึ่งได้รับอิทธิพลของปรางค์ขอมปนอยู่
วัดนี้สร้างในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ต่อมาสมเด็จพระราเมศวรโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ใต้ฐาน
พระปรางค์ประธานของวัดเมื่อ พ.ศ. 1927 พระปรางค์วัดมหาธาตุถือเป็นปรางค์ที่สร้าง
ในระยะแรกของสมัยอยุธยาซึ่งได้รับอิทธิพลของปรางค์ขอมปนอยู่
วัดพระศรีสรรเพชญ์
สร้างในรัชสมัยของ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ในราวปี พ.ศ.1991 โดยที่พระองค์ทรงเจียดพื้นที่ด้านหลังของพระบรมมหาราชวังให้เป็นวัดประจำวังหลวง
ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในการทำสังฆกรรม และ พระราชพิธีต่างๆ ได้โดยสะดวก
สร้างในรัชสมัยของ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ในราวปี พ.ศ.1991 โดยที่พระองค์ทรงเจียดพื้นที่ด้านหลังของพระบรมมหาราชวังให้เป็นวัดประจำวังหลวง
ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในการทำสังฆกรรม และ พระราชพิธีต่างๆ ได้โดยสะดวก
วัดภูเขาทอง
สมเด็จพระราเมศวร ทรงสร้าง เมื่อ พ.ศ. 1930เมื่อบุเรงนองยกมาตีกรุงศรีอยุธยาได้เมื่อ พ.ศ. 2112 นั้น ได้สร้างพระเจดีย์ภูเขาทองขึ้นไว้เป็นที่ระลึก
ต่อมาสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ โปรดให้ซ่อมองค์พระเจดีย์ตอนบน เป็นแบบไทยพร้อม ๆ กันกับการบูรณะวัด
สมเด็จพระราเมศวร ทรงสร้าง เมื่อ พ.ศ. 1930เมื่อบุเรงนองยกมาตีกรุงศรีอยุธยาได้เมื่อ พ.ศ. 2112 นั้น ได้สร้างพระเจดีย์ภูเขาทองขึ้นไว้เป็นที่ระลึก
ต่อมาสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ โปรดให้ซ่อมองค์พระเจดีย์ตอนบน เป็นแบบไทยพร้อม ๆ กันกับการบูรณะวัด
วัดมเหยงคณ์
มเหยงคณ์นี้ แปลว่าภูเขาเนินดิน เป็นอารามหลวงที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (พระเจ้าสามพระยา) อันเป็นวัดที่สร้างถัดจาก
วัดราชบูรณะ 14 ปี ในรัชสมัยเดียวกัน และวัดนี้นอกจากจะมีขนาดใหญ่โตกินบริเวณได้เท่ากับ
ช้างล้อมรอบ 80 เชือกแล้ว หากแต่ยังมีโบสถ์อันโอ่งโถงที่จุพระสงฆ์ได้ราว 1,000 รูป
มเหยงคณ์นี้ แปลว่าภูเขาเนินดิน เป็นอารามหลวงที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (พระเจ้าสามพระยา) อันเป็นวัดที่สร้างถัดจาก
วัดราชบูรณะ 14 ปี ในรัชสมัยเดียวกัน และวัดนี้นอกจากจะมีขนาดใหญ่โตกินบริเวณได้เท่ากับ
ช้างล้อมรอบ 80 เชือกแล้ว หากแต่ยังมีโบสถ์อันโอ่งโถงที่จุพระสงฆ์ได้ราว 1,000 รูป

วัดไชยวัฒนาราม
เป็นวัดที่พระเจ้าปราสาททอง โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2173 ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีความงดงามมากแห่งหนึ่งในกรุงศรีอยุธยา ความสำคัญอีกประการหนึ่งคือ
วัดนี้เป็นที่ฝังพระศพของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์(เจ้าฟ้ากุ้ง) กวีเอกสมัยอยุธยาตอนปลายกับเจ้าฟ้าสังวาลย์
ซึ่งต้องพระราชอาญาโบยจนสิ้นพระชนม์ในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
เป็นวัดที่พระเจ้าปราสาททอง โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2173 ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีความงดงามมากแห่งหนึ่งในกรุงศรีอยุธยา ความสำคัญอีกประการหนึ่งคือ
วัดนี้เป็นที่ฝังพระศพของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์(เจ้าฟ้ากุ้ง) กวีเอกสมัยอยุธยาตอนปลายกับเจ้าฟ้าสังวาลย์
ซึ่งต้องพระราชอาญาโบยจนสิ้นพระชนม์ในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ

วัดใหญ่ชัยมงคล
เมื่อปี พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเสริมพระเจดีย์ให้ ใหญ่และสูงขึ้นพร้อม ๆ กับการสร้างเจดีย์ยุทธหัตถีที่ตำบลหนองสาหร่าย จังหวัดสุพรรณบุรี
เพื่อเฉลิมพระเกียรติเมื่อคราวทรงชนะศึกยุทธหัตถี พระราชทานนามวัดใหม่ว่า"วัดชัยมงคล" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดใหญ่ชัยมงคล
เมื่อปี พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเสริมพระเจดีย์ให้ ใหญ่และสูงขึ้นพร้อม ๆ กับการสร้างเจดีย์ยุทธหัตถีที่ตำบลหนองสาหร่าย จังหวัดสุพรรณบุรี
เพื่อเฉลิมพระเกียรติเมื่อคราวทรงชนะศึกยุทธหัตถี พระราชทานนามวัดใหม่ว่า"วัดชัยมงคล" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดใหญ่ชัยมงคล

วัดหน้าพระเมรุ
วัดนี้เป็นวัดเพียงวัดเดียว ที่ไม่ถูกพม่าเผาทำลายอย่างย่อยยับ ดังที่ทำกับ วัดอื่นๆ ทั้งนี้เป็นเพราะวัดนี้เป็นที่ตั้งทัพของพระเจ้ากรุงหงสาวดี
ที่ยึดเอาวัดนี้ เป็นที่มั่นเจาะเข้าไปยังพระบรมมหาราชวัง ซึ่งตั้งอยู่แค่ฝั่งตรงข้ามเท่านั้น
วัดนี้เป็นวัดเพียงวัดเดียว ที่ไม่ถูกพม่าเผาทำลายอย่างย่อยยับ ดังที่ทำกับ วัดอื่นๆ ทั้งนี้เป็นเพราะวัดนี้เป็นที่ตั้งทัพของพระเจ้ากรุงหงสาวดี
ที่ยึดเอาวัดนี้ เป็นที่มั่นเจาะเข้าไปยังพระบรมมหาราชวัง ซึ่งตั้งอยู่แค่ฝั่งตรงข้ามเท่านั้น

วัดพนัญเชิงวรวิหาร
เป็นวัดที่มีมาก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งซึ่งครองเมืองอโยธยาเป็น
ผู้สร้างขึ้นตรงที่พระราชทานเพลิงศพพระนางสร้อยดอกหมาก และพระราชทานนามวัดว่า
วัดพระเจ้าพระนางเชิง หรือ "วัดพระนางเชิง"
เป็นวัดที่มีมาก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งซึ่งครองเมืองอโยธยาเป็น
ผู้สร้างขึ้นตรงที่พระราชทานเพลิงศพพระนางสร้อยดอกหมาก และพระราชทานนามวัดว่า
วัดพระเจ้าพระนางเชิง หรือ "วัดพระนางเชิง"

วัดโลกยสุธาราม
สันนิษฐานว่าได้สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง มีพระพุทธไสยาสน์ มีความยาว 42 เมตร และสูง 8 เมตร ก่ออิฐถือปูน
พระพักตร์หันไปทางทิศเหนือ ที่พระเศียรมีดอกบัวรองรับ พระบาทซ้อนกันเป็นมุมฉาก นิ้วพระบาทยาวเท่ากัน
สันนิษฐานว่าได้สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง มีพระพุทธไสยาสน์ มีความยาว 42 เมตร และสูง 8 เมตร ก่ออิฐถือปูน
พระพักตร์หันไปทางทิศเหนือ ที่พระเศียรมีดอกบัวรองรับ พระบาทซ้อนกันเป็นมุมฉาก นิ้วพระบาทยาวเท่ากัน

วัดพระราม
คาดว่าถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1912 ในรัชสมัยสมเด็จพระราเมศวร ซึ่งเป็นบริเวณที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
คาดว่าถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1912 ในรัชสมัยสมเด็จพระราเมศวร ซึ่งเป็นบริเวณที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
ขอขอบคุณ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภูมิภาคภาคกลาง
ภาพ : ทศพร สุภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น