วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

#References

แหล่งอ้างอิงทั้งหมด

http://giphy.com/
https://travelkanuman.files.wordpress.com/2015/07/sam_0168-copy.jpg
http://www.vichakaset.com/wp-content/uploads/ดอกโสน.jpg
http://www.biogang.net/upload_img/biodiversity/biodiversity-101584-2.jpg
https://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดพระนครศรีอยุธยา/
http://www.dailynews.co.th/images/583662?s=750x500
http://ww2.ayutthaya.go.th/
http://travel.sanook.com/1390156/
http://www.tamdoo.com/2014/03/11/เทศกาลงานประเพณีประจำป/
http://www.wikalenda.com/images/business_kalenda_image/Phra-Nakhon-Si-Ayutthaya-Songkran-Festival-2012-172338.jpeg
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2330717
https://localtradition.files.wordpress.com/2012/03/e0b8a5e0b8ade0b8a2e0b881e0b8a3e0b8b0e0b897e0b887e0b8aae0b8b2e0b8a2.jpg
http://www.siamsport.co.th/_ImagesColumn/121124i5t76570.jpg
http://www.konrakmeed.com/Files-Upload/oldphoto/20120420092002_DSC3693-1.jpg
https://welcometothailands.files.wordpress.com/2015/01/e0b887e0b8b2e0b899e0b89be0b8a3e0b8b0e0b980e0b89ee0b893e0b8b5e0b981e0b8abe0b988e0b980e0b897e0b8b5e0b8a2e0b899e0b89ee0b8a3e0b8a3e0b8a9.jpg
http://www.smiletravel.in.th/wp-content/uploads/2014/12/ayuthaya.jpg
http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12659779/E12659779-0.jpg
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=3498002
http://travel.mthai.com/wp-content/uploads/2014/03/Phra-Nakhon-Si-Ayutthaya-3-510x338.jpg
https://khunnewinfinite.wordpress.com/ลักษณะทางสังคม/อาหารขึ้นชื่อประจำจังห/
http://pantip.com/topic/32266744

มาลองอ่านรีวิวเที่ยวอยุธยาที่น่าสนใจกันเถอะ

[CR]เที่ยวอยุธยา1วันด้วยงบ 300 บาท (เน้นถ่ายรูป)


การเดินทาง...ไม่จำเป็นต้องใกล้หรือไกล
ขอเพียงมีใจที่จะไปกับมันก็เพียงพอแล้ว...



ทริปเล็กๆของผู้ชายคนหนึ่งที่จะทำตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จหรือไม่ ติดตามชมได้คับ! 


    เริ่มต้นการเดินทางของผมเกิดจากการที่ผมรู้สึกเบื่อกับความวุ่นวายในเมืองอยากที่จะออกไปสัมผัสว่าโลกนี้กว้างแค่ไหน เราเลยคิดว่าจะต้องไปที่ไหนก็ได้สักที่ ทำตามใจที่ตัวอยากทำ ทำความฝันของตัวเองที่อยากจะทำ หนึ่งในทริปแรกที่ผมจะพูดถึงก็คือ "อยุธยา" หลายๆคนอาจได้เคยไปเคยสัมผัสมาแล้ว แต่สำหรับผมแล้วเป็นครั้งแรกที่ผมจะได้สัมผัสด้วยตัวเอง ด้วยงบเพียง 300 บาท เท่านั้น เพื่อนผมหลายคนบอกว่า จะบ้ารึ!แค่ค่าเดินทางก็จะหมดและ ผมก็คิดในจว่ามันก็จริงเหมือนกัน แต่ใครจะไปนึกละว่าผมจะทำได้! ติดตามชมได้คับ ปล.อาจมีหลายคนทำได้ถูกกว่าผมนะ!555

โดยการเดินทาง เราคิดหาวิธีเดินทางที่ประหยัดที่สุด หนึ่งในนั้นคือการเดินทางด้วยรถไฟคับ
ซึ่งการเดินทาง เราเลือกเวลาการเดินเป็นช่วงเวลา8โมงเช้าเพราะอะไรนั้นหรอ?...เพราะเพื่อนผมขี้เกียจตื่นเช้านั้นเอง คร่อกฟี้คร่อกฟี้แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรคับ เพราะถ้าใครอยากนั่งรถไฟฟรีก็ต้องตื่นกันแต่เช้าหน่อยแต่ผมจำเวลาไม่ได้จริงๆ โดยรถไฟที่ผมเดินทางเป็นรถด่วน (express) ชั้น 3 ขบวนที่ 75 ซึ่งจุดหมายปลายทางจิงๆของขบวนนี้คือ กรุงเทพ-อุดรธานี แต่เราไม่ได้ลงที่อุดรนะคับเพราะจุดหมายปลายทางเราคือ อยุธยานั้นเอง ซึ่งราคาตั๋วนั้นอยู่ที่ 20 บาท เท่านั้นเองคับ เวลารถไฟออกคือ 8.20น. ซึ่งก็เป็นไปตามคาดคับ รถไฟมาช้า20นาที เศร้า

พอรถไฟถึงสถานีรอเพียงไม่นานคับรถไฟก็ออกจากหัวลำโพงแล้ว! ตื่นเต้นกับการนั่งรถไฟครั้งแรก!555
ซึ่งการนั้งรถไฟเป็นที่เพลินสุดๆนั่งไปชมวิวไปใช้เวลาไม่นานประมาณชั่วโมงครึ้งก็ถึงสถานีอยุธยาแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามคาด รถไฟช้าไปอีก 20 นาที

พอถึงสถานีเราก็ไม่รอช้าจัดการเช่ามอเตอร์ไซค์คันละ 200บาท ซึ่งร้านก็ไม่ได้อยู่ไกลเลยคับ อยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟนั้นเอง มีไม่กี่เจ้าลองหาดูได้คับ โดยการเช่ามอเตอร์ไซค์เราคิดว่าเป็นการเดินทางที่เร็วและสะดวกที่สุด สำหรับใครไม่อยากเช่ามอเตอร์ไซค์ก็สามารถเช่าสามล้อเที่ยวรอบเมืองได้คับตามราคาที่ตกลงกันไว้

จะแอบได้ว่าจะมีพี่ๆน้าๆลุงคอยจับตาดูเราที่สถานีอยู่ ไม่ใช่อะไรหรอคับ พี่ๆบรรดาสามล้อตุ๊กตุ๊กๆนั้นเอง

หลังจากนั้นเราก็ไม่รู้จะเริ่มต้นที่ไหนเลยขับมอเตอร์สำรวจไปมั่วๆจริงๆด้วยความที่ท้องเริ่มร้องแล้ว ทันใดนั้นก็เจอศูนย์รวมขายของกินและของฝากที่วัด วิหารมงคลบพิตร เราเลยจัดก๋วยเตี๋ยวไปคนละชามที่ร้านป้าอู๊ด ชามละ 20บาทเท่านั้นเอง ใครไปแถวๆนั้นลองหากินดูได้นะคับอร่อยมาก! 
หลังจากที่กินกันอิ่มหนำสำราญเราเลยมาวางแผนกันว่าจะเริ่มต้นเที่ยวกันที่ไหนดี โชคดีที่ผมได้ปริ้นแผนที่มาจากในเว็ปไซต์เลยสรุปได้ว่าเราจะเที่ยวรอบนอกเกาะเมืองเพราะเนื่องจากวันที่เราได้ไปกันอากาศร้อนมากๆๆๆเลยคิดว่า ถ้าไปรอบนอกจะเป็นการเก็บแรงไว้ช่วงบ่ายที่จะมาเที่ยวในเกาะชั้นในกันเพราะเนื่องจากวัดได้อยู่ติดๆกันทำให้เที่ยวได้สะดวกกว่า (คิดเองนะ555)
จากจุดเริ่มต้นของเรา วัดวิหารมงคลบพิตร อยุธยา เป็นวัดแรกที่เราได้เข้ามาชมความงดงาม และเป็นวัดโบราณสำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยที่ตั้งของวัดมงคลบพิตรและพระราชวังโบราณตั้งอยู่ติดกัน นักท่องเที่ยวจึงนิยมเข้ามานมัสการหลวงพ่อมงคลบพิตรก่อนจะเข้าชมพระราชวังโบราณ 
โดยวัดที่สองที่เราไปก็คือ วัดหน้าพระเมรุ ตั้งตรงข้ามกับพระราชวังหลวง มีชื่อเดิมว่า "วัดพระเมรุราชการาม" แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้างและสร้างในสมัยใด พิจารณาได้ว่า น่าจะเป็นวัดสร้างขึ้นตรงที่ถวายพระเพลิงกษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่ง ในต้นสมัยอยุธยา เป็นวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ถูกพม่าทำลาย และยังคงสภาพที่ดีมาก เพราะพม่าได้ไปตั้งกองบัญชาการอยู่ที่วัดนี้ พระอุโบสถเป็นแบบอยุธยาซึ่งมีเสาอยู่ภายใน แต่น่าจะมาเพิ่มเสารับชายคาที่หลังในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระประธานในอุโบสถซึ่งสร้างปลายสมัยอยุธยา เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องหล่อสำริดขนาดใหญ่ที่สุดที่ปรากฏและมีความงดงามมาก ด้านหลังพระอุโบสถยังมีอีกองค์หนึ่งแต่เล็กกว่า คือ พระศรีอริยเมตไตรย์

หลวงพ่อพระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ  วัดหน้าพระเมรุ
หลังจากนั้นเราก็ไปต่อกันที่ เจดีย์ภูเขาทอง เป็นเจดีย์ที่สูงใหญ่ตั้งอยู่กลางทุ่งนา สามารถเห็นได้แต่ไกล สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระราเมศวร เมื่อปี พ.ศ. 1930 และเมื่อปี พ.ศ. 2112 พระเจ้าบุเรงนอง แห่งเมืองหงสาวดี ได้ยกทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาได้สำเร็จ จึงได้สร้างพระเจดีย์ใหญ่แบบมอญขึ้นไว้เป็นอนุสรณ์ที่วัดนี้ เจดีย์ที่สร้างนี้เรียกว่า ภูเขาทอง และวัดที่อยู่ต้ดกับเจดีย์นี้ก็เรียก ว่า วัดภูเขาทอง

ดูในรูปอาจจะไม่สูงเท่าไร แต่จริงๆแล้วเจดีย์ภูเขาทองนี้ใหญ่และสูงมากๆจริงๆ


หลังการเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 วัดนี้เป็นวัดร้างเรื่อยมา แต่พระมหาเจดีย์ก็ยังเป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาที่มีคนเดินทางมากราบไหว้ ดังเช่นที่ปรากฏเป็น นิราศภูเขาทอง ของ สุนทรภู่ ที่เดินทางมานมัสการในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ วัดนี้มีพระมาจำพรรษาอีกครั้งนับแต่ปี พ.ศ.2500 และในปัจจุบัน บนกลางถนนของทางเข้ายังวัดแห่งนี้ ได้สร้าง อนุสาวรีย์พระนเรศวรทรงม้าศึก ไว้ด้วย

ลองถ่ายแบบพาโนราม่า3ใบแนวตั้งดู ได้มุมมองอีกแบบเพราะเจดีย์ภูเขาทองใหญ่จริงๆ
บริเวณ อนุสาวรีย์พระนเรศวรทรงม้าศึก ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าทางเขาวัดภูเขาทองคับ 
เนื่องจากเวลาเรามีน้อยเราเลยแว๋นข้ามมาอีกฝั่งของเกาะเมืองอยุธยา โดยวัดนี้เป็นวัดที่มีเจดีย์ใหญ่ (จากการสังเกตุก็มีเจดีย์เกือบทุกวัดนะ555)  เมื่อเรามาถึงวัดนี้เราถึงกับสะดุดตาขึ้นมาทันที เพราะเราเจอเจ้าสิ่งนี้เต็มรอบสระน้ำเลย

โดยภาพที่เราถ่ายได้เป็นภาพน้องเต่ากำลังจูบสาวอยู่ในสระน้ำนั้นเอง

น้องเต่ากับตะพาบน้ำที่นี้จะชอบกินกล้วย..ห๊ะเต่ากินกล้วย!!! (สำหรับผมพึ่งเคยเห็นครั้งแรก555) โดยเราสามารถซื้อกล้วยหรือผักบุ้งจากทางร้านค้าที่นี้ได้คับ
ซึ่งวัดที่ผมกล่าวถึงนั้นก็คือ  วัดใหญ่ชัยมงคล  ถือว่าเป็นวัดมีความสำคัญทางประวัติศาตร์มากที่สุดและเป็นวัดที่นักท่องเที่ยวนิยมมามากที่สุดวัดหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงเป็นธรรมดาที่จะพบเห็นนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมายังวัดแห่งนี้ จุดสนใจของวัดใหญ่ชัยมงคลนี้ คือ

เรื่องราวทางประวัติศาตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา รวมไปถึงสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ชมเจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยา ด้านหลังวัดมีตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ให้ผู้นับถือศรัทธาเข้ามากราบไหว้ นอกจากนี้ บริเวณ รอบๆ ยังมีมีสวนหย่อมที่สวยงามให้พักผ่อนอีกด้วย
บริเวณทางขึ้นไปยังเจดีย์
บริเวณรอบๆวัด
หลังจากที่เราได้เข้าชมวัดวัดใหญ่ชัยมงคลแล้ว จุดหมายปลายทางของเราต่อไปก็คือ 
วัดพนัญเชิง ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนะ
ซึ่ง วัดพนัญเชิง เป็นวัดที่มีประวัติอันยาวนาน ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา
และไม่ปรากฎหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่าพระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง และพระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิง

และในพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐกล่าวไว้ว่า ได้มีการสถาปนาพระพุทธรูปพุทธชื่อ”พระเจ้าพแนงเชิง” 
เมื่อปี พ.ศ. ๑๘๖๗ ซึ่งก่อนพระเจ้าอู่ทองจะสถาปนากรุงศรีอยุธยาถึง ๒๖ ปี
 

หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก

หลังจากที่เราถึงวัดพนัญเชิง เราก็ได้พบกับพิธีหนึ่ง ซึ่งตอนแรกเรางงมากกว่าเป็นพิธีอะไร สุดท้ายก็เลยลองพี่ๆ ซึ่งพี่ๆก็ได้บอกว่าเป็นพิธีนมัสการ ห่มผ้าองค์พระพุทธไตรรัตน (หลวงพ่อโต ) หรือซัมปอก่ง ยิ่งคนที่เกิดปีชงด้วยแล้ว ควรกราบไหว้เพื่อวิงวอนให้องค์ไท้ส่วยคุ้มครองดวงชะตา เหมือนเป็นการฝากดวง เพื่อสะเดาะเคราะห์ ช่วยให้ร้ายกลายเป็นดี จากหนักกลายเป็นเบา โชคดีจริงๆที่เราได้มาเห็นเป็นบุญตาสักครั้ง

เสร็จจากพนัญเชิงแล้ว เราพึ่งมานึกเวลานี่ก็ใกล้จะเย็นและ เลยรีบตัดตอนวัดที่สำคัญๆ หนึ่งในนั้นคือ 
วัดไชยวัฒนาราม นั้นเองคับ

บางทีมันก็พูดไม่ออกนะ...เมื่อได้มาเห็นมาสัมผัส....ขอบคุณบรรพบุรุษของเราที่ช่วยปกปักรักษาบ้านเมืองไว้แม้นจะต้องเสียเลือดเนื้อไปก็ตาม แต่ผมก็รู้สึกภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทยและอยู่อาศัยในแผ่นดินไทยคับ


ภายในเมรุทิศเมรุราย ประดิษฐานด้วยพระพุทธรูปปูนปั้นทรงเครื่องปางมารวิชัย ที่อยู่ภายในซุ้มเรือนแก้ว ส่วนบนเป็นฝ้าเพดานไม้ประดับดาว คับ
หลังจากที่เราเดินผ่านเมรุทิศเมรุราย แล้วเราจะเห็นได้ว่าจะมีพระพุทธรูปรายรอบเต็มระเบียงไปหมด เลยสอบถามรู้อย่างGoogle ดู ได้ใจความว่า  ส่วนที่เราพูดถึงเรียกว่า ระเบียงคด คือส่วนที่เชื่อมต่อ ระหว่างเมรุแต่ละเมรุเอาไว้ โดยรอบฐานประทักษิณซึ่งแต่เดิมจะมีหลังคารอบๆ ที่บริเวณระเบียงคดนี้ จะมีพระพุทธรูป ปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ รวมทั้งหมด 120 องค์ แกนในทำจากไม้ พอกปูนทีละชั้นจนได้สัดส่วนส่วนนิ้ว ใช้โลหะสำริด ดัดขึ้นรูป ปัจจุบันเหลือที่ยังมีพระเศียร อยู่ 2 องค์ เท่านั้น
 


ซากพระประธานปางสมาธิประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชี


วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดที่ผมชอบมากๆวัดหนึงเพราะด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และการสร้างออกแบบอย่างสมบูรณ์แบบ ไว้มีโอกาสมาอีกครั้งไม่พลาดแน่คับ
ด้วยความที่เหนื่อยล้าจริงๆเราก็เลยขอยืนพักตามลมเย็นๆตรงนี้สักพักหนึ่ง...
เที่ยวที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่ากับการเที่ยวเมืองไทย!

หลังจากที่เดินชมนกชมไม้ไปมา เราก็เหลือบไปเห็น เจดีย์เด่นอยู่โดดเดียวเลยไปอ่านป้ายดู 
ได้ความว่า วัดหลังคาขาว คับ

ฝนใกล้จะตกแล้ว!!!
เนื่องจากท้องฟ้ามืดครึม เราเกรงว่าฝนอาจจะตก เราเลยใช้วิธีแบบง่ายๆคือเจอวัดไหนเข้าวัดนั้นเลย 
และหนึ่งในวัดนั้นก็คือ วัดพระราม คับ
และจุดหมายปลายทางสุดท้ายของเราในทริปวันนี้ก็คือ  วัดพระศรีสรรเพชญ์ นั้นเองคับ
โดยข้อมูลคราวๆของวัดนี้ก็คือ ตั้งอยู่ในเขตพระราชวังโบราณ เป็นวัดพุทธาวาสที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาเพื่อประกอบพิธีสำคัญต่าง ๆ ของบ้านเมือง และเก็บอัฐิของพระมหากษัตริย์เปรียบได้กับวัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวัง ในกรุงเทพมหานคร นั้นเอง
มองดูท้องฟ้าเย็น...คงได้เวลากลับบ้านแล้วสินะ ไม่ใช่อะไรหรอคับ เราต้องรีบไปคืนรถมอเตอร์ไซค์ก่อน 6โมงเย็นนั้นเอง ไม่งั้นเสียค่าปรับแน่ๆ ==*


หลังจากที่เราคืนมอเตอร์ไซค์เสร็จแล้ว เราก็นึกขึ้นมาได้ว่าเราไม่ได้เติมน้ำมันมาคืน เราเลยใช้วิธีบอกเจ้าของรถให้คิดเงินเพิ่ม สรุปเพิ่มไปอีก 30บาท เสร็จแล้วเราก็รีบมาที่สถานีรถไฟเพื่อเตรียมตัวกลับโดยรถไฟที่เรากลับเป็นรถไฟฟรี สามารถตรวจสอบเวลาได้ที่เว็ปไซค์ของการรถไฟนะคับ โดยเวลารถไฟออก 18.47น. ถึง 20.35น.

และแล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อผมเห็นรถไฟมาก่อนเวลาตั้ง10นาที ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

ถึงแล้วกรุงเทพ! นี้เป็นขบวนรถไฟที่เราเดินทางกลับกันคับ มาถึงก่อนเวลาตั้ง10นาที!

ชานชลาในตอนกลางคืนชังเงียบเหงาจริงๆ

(สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทาง)

- ค่ารถไฟขบวนขาไป 20 บาท

- ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 200 บาท หาร2คน เหลือคนละ100บาท

-ค่าอาหารกลางวันเป็นก๋วยเตี๋ยวร้านป้าอู๊ด 50 บาทรวมเครื่องดื่ม

-ค่าขนม เครื่องดื่ม คนละ50บาท

-ค่าน้ำมัน30บาท หาร2คน คนละ15บาท

-ค่าบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ ฟรี

-ค่ารถไฟขบวนขากลับ ฟรี

*สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทั้งทริปคนละ 235 บาทเท่านั้นเองคับ*
อาจคนอาจสงสัยว่าทำไมผมถึงโพสว่า300บาท เพราะเงินส่วนที่เหลือใช้ในการเดินทางไปและกลับมายังสถานีรถไฟหัวลำโพงคับ
สุดท้ายผมก็ทำตามความฝันได้สำเร็จถึงแม้ว่าจะเป็นทริปเล็กๆและอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนะ หลายคนอาจทำได้ดีกว่าผม หลายคนอาจมีความคิดที่แตกต่างกับผม แต่สิ่งเหล่านั้นก็คือความฝันของอีกหลายๆคนที่อยากจะเริ่มลงมือทำ ตามหาความฝันของตัวเอง จบทริปนี้และติดตามผมได้ใหม่ในทริปหน้านะคับ ขอบคุณทุกๆคนที่แวะเวียนเข้ามาดู ไว้มีโอกาสตามไปเที่ยวด้วยกันนะคับ 
การเดินทาง...ไม่จำเป็นต้องใกล้หรือไกล
ขอเพียงมีใจที่จะไปกับมันก็เพียงพอแล้ว...